เพื่อนๆรู้หรือไม่ว่าแบตเตอรี่ในรถยนต์ของเรานั้น ก็มีอายุและระยะเวลาจำกัดในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปตามการดูแลรักษาและสภาพการใช้งาน โดยอายุเฉลี่ยการใช้งานแบตเตอรี่ทั่วไปอยู่ที่ 1-2 ปี หรือที่ 20,000 กิโลโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพรถของแต่ละคน ซึ่งจากการใช้งานรถยนต์เป็นเวลานาน อาจจะทำให้เพื่อนๆนั้นสังเกตุเห็นอาการผิดปกติที่เกิดจากแบตเตอรี่ได้
เพราะฉะนั้น วันนี้ทางศูนย์บริการช่วยเหลือฉุกเฉินคาร์เวิลด์ คลับ จะมาแนะนำเพื่อนๆสังเกตุความผิดปกติที่อาจจะเป็นอาการของแบตเตอรี่เสื่อม ดังนี้
- สตาร์ทติดยาก หรือ ติดเป็นบางครั้ง เป็นอาการสำคัญที่จะแจ้งเตือนให้ท่านทราบว่าแบตเตอรี่ใกล้หมดอายุการใช้งานแล้ว เมื่อสตาร์ทติดยากบ่อยๆ ไม่แนะนำให้สตาร์ทซ้ำบ่อยๆ เพราะอาจจะส่งผลถึงไดสตาร์ทของรถตามมาได้
- ระบบไฟฟ้าในรถทำงานผิดปกติ เช่น กระจกไฟฟ้าทำงานช้าลง, ไฟหน้ารถสว่างน้อยลง, แอร์ไม่ค่อยเย็น หรือระบบกันขโมษทำงานผิดปกติ เป็นต้น
- ใช้งานมาเป็นเวลาเกิน 15 เดือนแล้ว
สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหากับแบตเตอรี่
- อายุการใช้งาน ถ้าแบตเตอรี่ของคุณใช้งานมาเกิน 1 ปี หรือมีการขับขี่ที่มากกว่า 20,000 กิโลเมตร ก็เข้าข่ายเริ่มเสื่อมสภาพ
- ไดชาร์ทมีปัญหา ถ้ามีสัญญาณเตือนสีแดงรูปแบตเตอรี่ที่หน้าปัดรถยนต์ อาจจะหมายความว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับไดชาร์ท
ค่ากระแสไดชาร์จ จะต้องอยู่ระหว่าง 13.5 V. – 14.5 V. เสมอ (บวกลบได้ไม่เกิน 0.5 V.) ในขณะที่ติดเครื่องยนต์
ค่ากระแสไดชาร์จ จะต้องอยู่ระหว่าง 13.5 V. – 14.5 V. เสมอ (บวกลบได้ไม่เกิน 0.3 V.) ในขณะที่ขับขี่ เร่งเครื่อง เปิดไฟ เปิดแอร์ เปิดเครื่องเสียง
ถ้าค่ามากเกินจากที่กล่าวไว้นี้ จะทำให้แบตเตอรี่ บวม ร้อน และเสื่อมได้
3. ไฟรั่วหรือไฟช็อต
รูปไฟแบตเตอรี่ขึ้นเตือนโชว์ บนหน้าปัด
เมื่อใดก็ตามที่มีสัญลักษณ์รูปแบตเตอรี่ขึ้นเตือนบนหน้าปัดรถเรา แสดงว่าแบตเตอรี่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการชาร์จไฟของรถยนต์ ดังนั้นเราจึงควรรีบนำรถไปเข้าเช็คยังศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถยนต์ที่มีมาตรฐาน เพื่อตรวจหาสาเหตุโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้ระบบการชาร์ทไฟเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่รถยนต์ของเราไม่เสถียรหรืออาจจะเก็บไฟไม่อยู่ แล้วจะส่งผลทำให้เกิดปัญหารถดับกลางทางหรือทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพไวได้